ศิลปะสากลสมัยกลาง (Middle Age)
ประมาณ ค.ศ. 300 – ค.ศ. 1300ความเจริญทางด้านศิลปะในยุคกลาง
เป็นการสร้างสรรค์โดยวัดและคริสต์ศาสนิกชน
ซึ่งมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและศิลปวิทยา ศิลปะของคริสต์ศาสนาจึงเจริญรุ่งเรือง
โดยเฉพาะสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวกับวัดคาทอลิก
มีลักษณะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องถิ่น แต่ส่วนใหญ่สิ่งก่อสร้างจะมีขนาดเล็กลง
นิยมสร้างด้วยหินและปูผิวด้วยอิฐ สร้างสุสานด้วยการเจาะหินหน้าผา กลุ่มศิลปะที่อยู่ในยุคกลางได้แก่ ศิลปะโกติก
สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ศิลปะบารอก และรอกโกโก
ศิลปะโกธิก (Gothic Art)
ศิลปะโกธิกนิยมแสดงเรื่องราวทางศาสนาในแนวเหมือนจริง (Realistic Art) ไม่ใช้สัญลักษณ์เหมือนศิลปะยุคก่อน
งานสถาปัตยกรรมมีโครงสร้างทรงสูง มียอดหอคอยรูปทรงแหลมอยู่ข้างบน
ทำให้ตัวอาคารมีรูปร่างสูงระหงขึ้นสู่เพดาน ซุ้มประตูหน้าต่างช่องลม
มีส่วนโค้งแปลกกว่าศิลปะแบบใด ๆ
สถาปัตยกรรม ใช้โครงสร้างอาร์ชแบบโค้งปลายแหลม
(pointed Arch)ใช้เสาค้ำยันภายนอกอาคาร (flying buttresses) ส่วนช่องโล่งจากประตูถึงแท่งบูชาวงเก้าอี้ไว้สองข้างมีทางเดินขนานทั้งซ้ายขวา
อาคารสูง ยอดแหลมนิยมประดับกระจกสีที่หน้าต่าง
ประติมากรรม ใช้ประดับตกแต่งโบสถ์ส่วนสำคัญอยู่เหนือประตูทางเข้าและเสาใช้ประดับตกแต่งสุสานคนสำคัญเรื่องราวในคริสตศาสนารูปคนสัดส่วนค่อนข้างยาว
เป็นเส้นตรงรอยยับย่นของเสื้อผ้ามากชอบสร้างรูปลอยตัว
จิตรกรรม การทำกระจกสี (Stain Glass)ศิลปะกอธิค พบใน ฝรั่งเศส
อังกฤษ สเปน เยอรมัน
Bamberg วิหาร เมือง Bamberg |
มหาวิหารแห่งมิลาน |
ศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance Art)
เรอนาซอง หมายถึง
การเกิดใหม่ (rebirth) การฟื้นฟูขึ้นมาอีก
การกลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่สงครามครูเสดนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ยุโรปตะวันตกอย่างใหญ่หลวง
ระบอบการปกครองแบบศักดินาหมดสิ้นไป แว่นแคว้นต่าง ๆ เริ่มมีความเป็นอิสระ
ศิลปินได้นำเอาแบบอย่างศิลปะชั้นสูงในสมัยกรีกและโรมัน มาสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระเต็มที่ งานสถาปัตยกรรมมีการก่อสร้างแบบกรีกและโรมันเป็นจำนวนมาก ลักษณะอาคารมีประตูหน้าต่างเพิ่มมากขึ้น
ประดับตกแต่งภายในด้วยภาพจิตรกรรมและประติมากรรมอย่างหรูหรา สง่างาม
งานสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ในสมัยนั้นฟื้นฟูศิลปวิทยา
งานจิตรกรรมและประติมากรรมในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
ศิลปินสร้างสรรค์ในรูปความงามตามธรรมชาติ
และความงามที่เป็นศิลปะแบบคลาสสิกที่เจริญสูงสุด ซึ่งพัฒนาแบบใหม่จากศิลปะกรีกและโรมัน ความสำคัญของศิลปะสมัยฟื้นฟู
สถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ในสมัยนั้นฟื้นฟูศิลปวิทยา
ได้แก่ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter) ในกรุงโรม
เป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก
วิหารนี้มีศิลปินผู้ออกแบบควบคุมงานก่อสร้างและลงมือตกแต่งด้วยตนเอง
ต่อเนื่องกันหลายคน เช่น โดนาโต บรามันโต (Donato Bramante ค.ศ. 1440 - 1514) ราฟาเอล (Raphel ค.ศ. 1483 -1520) ไมเคิล แองเจลโล (Michel Angelo ค.ศ. 1475 -1564) และโจวันนิ เบอร์นินี (Giovanni Bernini ค.ศ. 1598 -1680)
โมนาลิซ่า |
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์
|
จิตรกรรมฝาผนังในชาเปลซิสติน (Restoration of the
Sistine Chapel frescoes)
|
ศิลปะบารอกและรอกโกโก (Baroque and Rococo
Art)
คำว่า Baroque และ Rococo ในปัจจุบัน
หมายถึง สิ่งที่มีการตกแต่งประดับประดาด้วยเครื่องอลังการ วิจิตรพิสดารจนเกินงาม
เป็นศิลปะตอนปลายสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาเชื่อมต่อกับศิลปะยุคใหม่
ศิลปะแบบบารอกและรอกโกโก
เป็นลักษณะการจัดองค์ประกอบของศิลปะที่เน้นรายละเอียดส่วนย่อยอย่างฟุ่มเฟือย
โดยเฉพาะการใช้ส่วนโค้ง ส่วนเว้า งานจิตรกรรม และประติมากรรม ยังคงเน้นรูปร่าง
รูปทรงธรรมชาติ (Realistic) แต่ใช้สีรุนแรงขึ้น
งานสถาปัตยกรรมประกอบด้วยเส้นโค้งมนตกแต่งโครงสร้างเดิม มีลวดลายอ่อนช้อย งดงาม
อาคารที่ถือเป็นแบบฉบับของศิลปะบารอก และรอกโกโก ได้แก่ โบสถ์เซนต์แอกเนส (Church of St. Agnese) โบสถ์เซนต์คาร์โล (Church of St. Carlo) ที่กรุงโรม พระราชวังแวร์ซาย (Versailes palace) ในประเทศฝรั่งเศส
โบสถ์ทั่วไปในยุโรปตอนเหนือ เช่นในประเทศเนเธอร์แลนด์และประเทศเยอรมนี เป็นต้น
โบสถ์เซนต์แอกเนส (Church of St. Agnese) |
พระราชวังแวร์ซาย (Versailes palace) |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น